วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง สีทน มะโนราห์

ภารกิจที่ 1 วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง สีทน มะโนราห์

1. วิเคราะห์ชื่อเรื่อง สีทน มะโนราห์  เป็นการตั้งชื่อตัวละครในวรรณกรรมอีสานและภาพสะท้อนทางสังคมจากชื่อตัวละคร เพราะตัวพระเอก ชื่อ สีทน ส่วนตัวนางเอก ชื่อ มะโนราห์ ซึ่งในวรรณกรรมอีสานเรื่องนี้มีชื่อพระเอกที่หมายถึงสีทนจำนวน 94 ชื่อด้วยกัน

2. แก่นเรื่อง (สั้นๆ)  แม้อุปสรรคปัญหาจะลำบากยากเข็ญเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งคำว่า “รักแท้” ได้

3. โครงเรื่อง (โครงเรื่อง คือ เปิดเรื่อง ดำเนินเรื่อง จุดสูงสุด จบเรื่อง )
         
3.1 การเปิดเรื่อง 
          เปิดด้วยการบรรยายถึงตัวละครเด่นๆ และการบรรยายอดีตชาติของสีทนต์ ก่อนการจุติลงมาเกิดในท้องของนางเทวี  ซึ่งเป็นตัวละครที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน และบรรยายฉากบ้านเมือง  ทั้งนี้ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายในการเปิดเรื่อง  คือ  ต้องการเร้าความสนใจของผู้อ่าน ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพโดยกว้างและต้องการติดตามเรื่องราวต่อไป  ตัวอย่างดังความว่า
          ปางนั้น ยังมีเมืองใหญ่กว้างเฮียกชื่อ .”เป็งจาน” ฮุงเฮืองงามดั่งดาวดึงส์ฟ้า พญาอาทิตเจ้าเสวยเมืองตุ้มไพร ปรระเสริฐงามยิ่งพี้ยงนครฟ้าฟากสวรรค์ เจ้าเอย เทวีเหง้าสนมนางพอหมื่น ยินสนุกม่วนแม้งสวรรค์ฟ้าไป่ปาน หั้นแล้ว ยังมีเทวบุตรท้าวดุสิดาบุญมาก หลิงโลกกว้างเห็นแก้วแม่ตน ท้าวก็คึดฮ่ำฮู้จักลงเกิดเมืองคน แลแด  1
          
          3.2 การดำเนินเรื่อง
          ในเรื่องสีทน มโนราห์ มีลักษณะการดำเนินเรื่องที่เป็นลำดับขั้นตอน  ดำเนินไปตามลำดับเหตุการณ์ต่างๆ  มีการวางปม และการคลี่คลายปมในตอนสุดท้าย  ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้

          พระเจ้าอาทิตยวงศ์ กษัตริย์แห่งเมืองปัญจาลนคร พระมเหสีชื่อ พระนางจันทราเทวี ต่อมาพระมเหสึประสูติพระราชโอรส ก็บังเกิดขุมทองสี่ขุมขึ้นที่มุมปราสาทสี่มุม พระเจ้าอาทิตยวงศ์จึงประทานนามว่า " พระสุธน " (แปลว่ามีทรัพย์ประเสริฐ-มีทรัพย์มาก) บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก พระสุธนราชกุมารก็ศึกษาวิชาการ มีฝีมือทางการยิงธนู วันหนึ่งนายพรานบุณฑริกชาวเมืองปัญจาลนครเข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก พบกลุ่มนางกินนรพี่น้องเจ็ดตนมาเล่นน้ำที่สระอโนดาต  นายพรานแอบเก็บปีกหางของนางกินนรไว้ชุดหนึ่ง เมื่อนางกินนรทั้งเจ็ด
          เมื่อเล่นน้ำเสร็จก็กลับขึ้นมาใส่ปีกใส่หาง นางมโนห์ราน้องสาว คนสุดท้องหาปีกหาหางของตนไม่พบจึงไม่สามารถบินกลับได้ พี่ ๆ  ทั้งหกก็จำต้องทิ้งนางไป พรานบุณฑริกจึงนำบ่วงมาคล้องนางไปและนำไปถวายพระสุธน พระสุธนยินดีมากจึงประทานทองคำและแก้วแหวนเงินทองให้แก่นายพราน พระเจ้าอาทิตยวงศ์และนางจันทราเทวีก็จัดงานอภิเษกสมรส พระสุธนกับนางมโนห์รา
          ต่อมามีข้าศึกยกมาตีเมืองปลายเขตแดน พระสุธนจึงต้องยกทัพไปปราบ พราหมณ์ปุโรหิตผู้หนึ่งซึ่งเคยคุ่นเคืองใจกับพระสุธนก็แกล้งเพ็ดทูล พระเจ้าอาทิตยวงศ์ว่านางมโนห์ราเป็นกาลกิณี ควรจะจัดบูชายัญ เพื่อให้บ้านเมืองเป็นสุข พระเจ้าอาทิตยวงศ์ไม่เต็มพระทัย เพราะทรงทราบว่าดีนางมโนห์ราเป็นที่รักอย่างยิ่งของพระสุธน แต่ขัดข้อเสนอแนะของ เสนาอำมาตย์ไม่ได้ จึงจำพระทัยจัดพิธีบูชายัญ นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา  พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้ นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่ ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพล และพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่า ไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก แต่ถ้าพระสุธนยังดื้อดึงที่จะไปก็ขอให้มอบยาผงนี้ให้แก่พระสุธน และให้บอกวิธีการติดตามไปอย่างปลอดภัยให้ไว้ดังนี้

1. ถ้าพระสุธนเดินทางไปถึงป่าไม้มีพิษให้จับลูกลิงไปตัวหนึ่ง เมื่อจะเสวยผลไม้ใดต้องปล่อยให้ลูกลิงกินก่อนแล้วจึงเสวย
2. เมื่อถึงป่าหวายใหญ่ ให้เอาผ้ากัมพลคลุมตัวให้แน่น นกหัสดีลิงค์จะเข้าใจว่าเป็นเนื้อกวางก็จะโฉบลงมาคาบตัวไป พอถึงรังนกก็ให้ตบมือ นกตกใจบินหนีไป
3. ถ้าพระสุธนเดินทางต่อไป พบพญาช้างสองตัวต่อสู้กันขวางทางอยู่ ให้เอายาผงทาทั่วตัว แล้วเดินลอดไประหว่างขาช้าง
4. เมื่อเดินทางต่อไปจะพบภูเขาชนกัน ก็ให้ใช้ยาผงทาตัวแล้วเดินไประหว่างช่องเขา
5. เดินทางต่อไปจะพบยักษ์สูงเจ็ดชั่วลำตาลยืนขวางทางให้ใช้ยาผงโรยลูกศรแล้วยิงให้ถูกอกยักษ์ เมื่อยักษ์ล้มให้เดินไปทางหัวของยักษ์ ต่อไปจนถึงป่าทึบไม่มีทางออก ให้ขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในรังนกยักษ์ และเมื่อนกยักษ์บินออกหากินก็ให้ซ่อนตัวอยู่ในปีกของนก พอนกลงหากินก็รีบลงเพราะที่นั่นจะเป็นเขาไกรลาส แล้วนางมโนห์ราก็กราบลาพระฤษีบินกลับไปยังเขาไกรลาส ท้าวทุมราชบิดาของนางถึงแม้จะยินดีที่นางกลับมาแต่เนื่องจากนางไปอยู่ โลกมนุษย์เป็นเวลานาน จึงให้นางอยู่ในปราสาทแยกไปต่างหาก  และเมื่อครบเจ็ดวันตามเวลาของเขาไกรลาสก็จะทำพิธีมงคลชำระสระสรง เพื่อให้นางมดกลิ่นสาบของมนุษย์ ฝ่ายพระสุธนเมื่อกลับพระนคร พอรู้ว่านางมโนห์ราบินหนีไปแล้วก็เสียพระทัยมาก  รีบทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดาเพื่อติดตามนางมโนห์รา พระสุธนเดินทาง ไปพบพระฤๅษีกัสสปและได้ทราบความที่นางฝากไว้ พระสุธนมิได้ย่อท้อ ออกเดินทางและปฎิบัติตามที่นางบอกไว้ทุกประการ พระสุธนเดินทางเช่นนี้เป็นเวลาถึงเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน พอถึงวันที่เจ็ดก็มาถึงเขาไกรลาส พระสุธนจึงซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ไม่ช้าก็มีนางกินรีบริวารถือหม้อทองคำมาตักน้ำที่สระ พอถึงคนสุดท้ายพระสุธนก็บันดาลให้นางยกหม้อทองคำไม่ขึ้น แล้วออกมาช่วยยกให้และได้แอบใส่พระธำรง ลงในหม้อน้ำนั้น
          เมื่อนางกินรีบริวารสรงน้ำให้นางมโนห์ราถึงนางกินรีคนสุดท้ายรดน้ำเหนือศีรษะนางมโนห์รา พระธำรงค์ก็หล่นลงมากับสายน้ำ นางมโนห์รายกมือขึ้นลูบหน้าแหวนธำรงค์ก็สวมเข้าที่นิ้วก้อยพอดี นางทราบทันทีว่าพระสุธนตามมาถึงแล้ว จึงให้นางกินรีดูแลพระสุธน และส่งเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับไปให้ แล้วนางมโนห์ราก็นำความทูลพระบิดาและพระมารดา ท้าวทุมราชจึงให้พระสุธนมาเข้าเฝ้าและให้แสดงฝีมือยิงธนู ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยท้าวทุมราช แต่ก็ยังมีการทดสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยให้พระธิดาทั้งเจ็ดพระองค์แต่งกายงดงามเหมือนกันและมานั่งสลับกันอยู่ ท้าวทุมราชให้พระสุธนชี้นางมโนห์ราให้ถูกต้อง ธิดาทั้งเจ็ดองค์เหมือนกันมากจนยากที่จะชี้ตัวได้ พระสุธนจึงตั้งสัจจาธิษฐานว่า ถ้าในชาติก่อนไม่เคยคบหากับภรรยาของผู้อื่นมีจิตใจมั่นคงที่นางคนเดียวแล้ว ขอให้จำนางได้ พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นแมลงวันทองบินรอบศีรษะนางมโนห์รา
          พระสุธนก็ชี้นางมโนห์ราได้ถูก ท้าวทุมราชมีความยินดีจัดงานอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์รา แล้วพระสุธนก็ขอลาท้าวทุมราชพานางมโนห์รา  กลับไปเมืองปัญจาลนคร พระอาทิตยวงศ์ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จัดการตกแต่งพระนคร และทำการอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์ราให้ครองราชสมบัติเมืองปัญจาลนครสืบต่อไป

3.3 จุดสูงสุด 
          ในเรื่องสีทน มโนราห์  มีการผูกปมปัญหาโดยมีปุโรหิตท่านหนึ่งได้คิกกบฏ ลวงให้พระราชาเชื่อ เพื่อหวังให้นางมโนราห์มาบูชายัน ตลอดการเดินทางหนีนางผีเสื้อสมุทร ทั้งนี้ผู้แต่งมีการผูกปมนั้นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ เกิดความระทึกใจ และอยากติดตามตอนต่อไป  นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา  พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้
          นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่ ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพล และพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่า ไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก  การใช้กลอุบายของท่านปุโรหิตที่หวังกำจัดนางมโนราห์ ทำให้นางมโนราห์หนีกลับเขาไกลลาส จนเกิดเรื่องราวความขัดแย้งต่างๆ  ขึ้น ทั้งนี้ผู้แต่งมีการผูกปมนั้นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ เกิดความระทึกใจ และอยากติดตามตอนต่อไป  ดังตัวอย่างความว่า
           เมื่อนั้น มะโนรานาถเจ้าสอดปีกกัดหางา ลำๆ มือแกว่งแพนเพื่อนฟ้อน ปางนั้น นางคานแก้วมารดาตนแม่ ใจจักขาดดั่นดิ้นดอมน้องถ่าวทวง เมือดีเยอ สายใจแก้วเสมอตาเจ้าแม่ กูเอย เจ้าแม่จงคึดฮอดห้องภายพี้อย่าลืม แม่ถ้อน คันว่าเจ้าพรากจากพี้เถิงที่ภูเงิน เมื่อใด เนาสถานทอง อย่าลืมพระอวนอ้ายแม่เนอ
เมื่อนั้น นางประนมมือไหว้ให้มารดาก้มขาบ ไหว้พระแม่เจ้าดีแล้วลวดทะยาน แลนา มโนราค่อยเขยื้อนแล้วสั่งหอปาง คณิงผัวขวัญเกลื่อนกะหายหิวให้ คิ่ยอยู่ดีเยอ ภูธรท้าวสีทนต์บาบ่าว ข้อยเอย น้องจักหนีจากจ้าจิงแท้บ่เห็น แลนอ

          
          3.4 การปิดเรื่อง
          ในเรื่องสีทน มโนราห์ มีการปิดเรื่องด้วยการคลี่คลายปมได้สำเร็จ โดยท้าวสีทนต์สามารถผ่านอุปสรรคขวากหนามที่ลำบากระหว่างการเดินทาง  และสามารถผ่านการทดสอบของพระบิดาของนางมโนราห์และทั้งสองก็ครองคู่กันอย่างมีความสุข การปิดเรื่องสีทน มโนราห์ ถือได้ว่าเป็นการปิดเรื่องที่สมบูรณ์อีกเรื่องหนึ่ง ดังตัวอย่างความว่า
          จักกล่าวเถิงสีทนต์เจ้าจอมเมืองเสวยราช นางนาถเจ้าแพงล้านอยู่เทียมบ่โศกฮ้อนสักสิ่งสุมใจ ทั้งมวลเมืองซื่นซมดอมท้าวซมสออนดอมอ่อน ยินสนุกอยู่สร้างเมืองบ้านให้ฮุ่งเฮือง

4 ความคิดเห็น: