วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

ภาระกิจพิเศษ สรุปวรรณกรรมเรื่องสีทน มะโนราห์






วิชาวรรณกรรมท้องถิ่น  เรื่อง  สีทน  มะโนราห์


จัดทำโดย
นางสาวศิริกัลยา    จูมทอง  รหัส  ๕๗๒๑๐๔๐๖๒๒๙
สาขาวิชาภาษาไทย  คณะครุศาสตร์  ชั้นปีที่  ๓  หมู่เรียนที่  ๒



เสนอ
อาจารย์วัชรวร  วงศ์กัณหา



รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่น
ภาคเรียนที่
  ปีการศึกษา ๒๕๕๙
มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์

*******************************************************************************

 คำนำ
            รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา วรรณกรรมท้องถิ่น  โดยเป็นการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองนี้เกี่ยวกับเรื่องสีทน  มะโนราห์  ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านที่มีเนื้อหาของวรรณกรรมพื้นบ้าน อีกทั้งทำให้มีความรู้และเป็นแนวทางแก่ผู้ที่สนใจต่อไป

               การศึกษานี้ได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำเป็นอย่างดี จากท่านอาจารย์วัชรวร  วงศ์กัณหา    
ที่ให้คำแนะนำในการรวบรวม
  ผู้จัดทำจึงใคร่ขอขอบพระคุณทุกท่านมา    โอกาสนี้ด้วย



                                                                                                                                    ผู้จัดทำ
                                                                                                                         ศิริกัลยา       จูมทอง




















*******************************************************************************************************************************


สารบัญ

                        เรื่อง                                                                                                                         หน้า
                                                                            
บทที่   สรุปเนื้อหาวรรณกรรมอีสาน  เรื่อง  สีทน  มะโนราห์                                                            ๑
            - ที่มาและความสำคัญ                                                                                                             ๖
                                                                                               
บทที่   วิเคราะห์  ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องสีทน มะโนราห์                                                ๗
            - ชื่อเรื่องมาจากอะไร                                                                                                              ๗   
            -  แก่นเรื่อง                                                                                                                              ๗  
            - โครงเรื่อง                                                                                                                              ๗

            - ตัวละคร                                                                                                                                ๘
            - ภาษา                                                                                                                                      ๙

            - ฉาก/สถานที่                                                                                                                          ๑๐
บทที่  ความโดดเด่นของโครงเรื่อง                                                                                                   ๑๑
บทที่  การนำไปประยุกต์ใช้                                                                                                               ๑๒
บทที่ ๕ สรุปเป็นอินโฟกราฟฟิค                                                                                                           ๑๖


********************************************************************************************

            ภารกิจพิเศษ
                       สรุปการวิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่นของตนเอง   วรรณกรรมอีสาน เรื่อง สีทน  มะโนราห์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                                                                          บทที่ ๑
๑.๑ สรุปเนื้อหาวรรณกรรมอีสาน  เรื่อง  สีทน  มะโนราห์ (เรื่องย่อ)
           
สีทน มะโนราห์" วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมกันมากในสมัยอยุธยาและไม่ทราบผู้แต่ง ได้แก่ เรื่องพระสุธน ซึ่งได้นำเค้าเรื่องเดิมมาจาก "ปัญญาสชาดก" ที่เรียกว่า "สุธนชาดก" และได้นำมาทำเป็นบทละครเรื่อง "นางมโนราห์" ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายการตั้งชื่อพระเอกในเรื่อง สีทน มะโนราห์ เป็นการตั้งชื่อในแนวเดียวกันมีความหมายคล้ายคลึงกันคือเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ เกี่ยวกับพระราชา พระมหากษัตริย์ ชายหนุ่มผู้เป็นใหญ่ ฯลฯ ทำให้ผู้อ่านรู้บทบาทของตัวละครว่าตัวละครมีบทบาทอย่างไรในเรื่อง เพียงแค่ชื่อก็ทำให้รู้แล้วว่าชื่อดังกล่าวคือชื่อของกษัตริย์ ซึ่งลักษณะนิสัยเด่นในเรื่องคือปัญญาและความสามารถต่างๆเป็นบ่อเกิดหรือที่มาของการตั้งชื่อทั้งหมดนั่นเอง
           
พระเจ้าอาทิตยวงศ์ กษัตริย์แห่งเมืองปัญจาลนคร พระมเหสีชื่อ พระนางจันทราเทวี ต่อมาพระมเหสึประสูติพระราชโอรส ก็บังเกิดขุมทองสี่ขุมขึ้นที่มุมปราสาทสี่มุม พระเจ้าอาทิตยวงศ์จึงประทานนามว่า " พระสุธน " (แปลว่ามีทรัพย์ประเสริฐ-มีทรัพย์มาก) บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก พระสุธนราชกุมารก็ศึกษาวิชาการ มีฝีมือทางการยิงธนู วันหนึ่งนายพรานบุณฑริกชาวเมืองปัญจาลนครเข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก พบกลุ่มนางกินนรพี่น้องเจ็ดตนมาเล่นน้ำที่สระอโนดาต  นายพรานแอบเก็บปีกหางของนางกินนรไว้ชุดหนึ่ง เมื่อนางกินนรทั้งเจ็ด
            เมื่อเล่นน้ำเสร็จก็กลับขึ้นมาใส่ปีกใส่หาง นางมโนห์ราน้องสาว คนสุดท้องหาปีกหาหางของตนไม่พบจึงไม่สามารถบินกลับได้ พี่ ๆ  ทั้งหกก็จำต้องทิ้งนางไป พรานบุณฑริกจึงนำบ่วงมาคล้องนางไปและนำไปถวายพระสุธน พระสุธนยินดีมากจึงประทานทองคำและแก้วแหวนเงินทองให้แก่นายพราน พระเจ้าอาทิตยวงศ์และนางจันทราเทวีก็จัดงานอภิเษกสมรส พระสุธนกับนางมโนห์รา
            ต่อมามีข้าศึกยกมาตีเมืองปลายเขตแดน พระสุธนจึงต้องยกทัพไปปราบ พราหมณ์ปุโรหิตผู้หนึ่งซึ่งเคยคุ่นเคืองใจกับพระสุธนก็แกล้งเพ็ดทูล พระเจ้าอาทิตยวงศ์ว่านางมโนห์ราเป็นกาลกิณี ควรจะจัดบูชายัญ เพื่อให้บ้านเมืองเป็นสุข พระเจ้าอาทิตยวงศ์ไม่เต็มพระทัย เพราะทรงทราบว่าดีนางมโนห์ราเป็นที่รักอย่างยิ่งของพระสุธน แต่ขัดข้อเสนอแนะของ เสนาอำมาตย์ไม่ได้ จึงจำพระทัยจัดพิธีบูชายัญ นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา  


 *********************************************************


พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้ นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่ ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพล และพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่า ไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก แต่ถ้าพระสุธนยังดื้อดึงที่จะไปก็ขอให้มอบยาผงนี้ให้แก่พระสุธน และให้บอกวิธีการติดตามไปอย่างปลอดภัยให้ไว้ดังนี้
            1. ถ้าพระสุธนเดินทางไปถึงป่าไม้มีพิษให้จับลูกลิงไปตัวหนึ่ง เมื่อจะเสวยผลไม้ใดต้องปล่อยให้ลูกลิงกินก่อนแล้วจึงเสวย
            2. เมื่อถึงป่าหวายใหญ่ ให้เอาผ้ากัมพลคลุมตัวให้แน่น นกหัสดีลิงค์จะเข้าใจว่า
เป็นเนื้อกวางก็จะโฉบลงมาคาบตัวไป พอถึงรังนกก็ให้ตบมือ นกตกใจบินหนีไป
            3. ถ้าพระสุธนเดินทางต่อไป พบพญาช้างสองตัวต่อสู้กันขวางทางอยู่ ให้เอายาผงทาทั่วตัว แล้วเดินลอดไประหว่างขาช้าง
            4. เมื่อเดินทางต่อไปจะพบภูเขาชนกัน ก็ให้ใช้ยาผงทาตัวแล้วเดินไประหว่างช่องเขา
            5. เดินทางต่อไปจะพบยักษ์สูงเจ็ดชั่วลำตาลยืนขวางทางให้ใช้ยาผงโรยลูกศรแล้วยิงให้ถูกอกยักษ์ เมื่อยักษ์ล้มให้เดินไปทางหัวของยักษ์ ต่อไปจนถึงป่าทึบไม่มีทางออก ให้ขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในรังนกยักษ์ และเมื่อนกยักษ์บินออกหากินก็ให้ซ่อนตัวอยู่ในปีกของนก พอนกลงหากินก็รีบลงเพราะที่นั่นจะเป็นเขาไกรลาส แล้วนางมโนห์ราก็กราบลาพระฤษีบินกลับไปยังเขาไกรลาส
            ท้าวทุมราชบิดาของนางถึงแม้จะยินดีที่นางกลับมาแต่เนื่องจากนางไปอยู่ โลกมนุษย์เป็นเวลานาน จึงให้นางอยู่ในปราสาทแยกไปต่างหาก  และเมื่อครบเจ็ดวันตามเวลาของเขาไกรลาสก็จะทำพิธีมงคลชำระสระสรง เพื่อให้นางมดกลิ่นสาบของมนุษย์ ฝ่ายพระสุธนเมื่อกลับพระนคร พอรู้ว่านางมโนห์ราบินหนีไปแล้วก็เสียพระทัยมาก  รีบทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดาเพื่อติดตามนางมโนห์รา พระสุธนเดินทาง ไปพบพระฤๅษีกัสสปและได้ทราบความที่นางฝากไว้ พระสุธนมิได้ย่อท้อ ออกเดินทางและปฎิบัติตามที่นางบอกไว้ทุกประการ พระสุธนเดินทางเช่นนี้เป็นเวลาถึงเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน พอถึงวันที่เจ็ดก็มาถึงเขาไกรลาส พระสุธนจึงซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ไม่ช้าก็มีนางกินรีบริวารถือหม้อทองคำมาตักน้ำที่สระ พอถึงคนสุดท้ายพระสุธนก็บันดาลให้นางยกหม้อทองคำไม่ขึ้น แล้วออกมาช่วยยกให้และได้แอบใส่พระธำรง ลงในหม้อน้ำนั้น
            เมื่อนางกินรีบริวารสรงน้ำให้นางมโนห์ราถึงนางกินรีคนสุดท้ายรดน้ำเหนือศีรษะนางมโนห์รา พระธำรงค์ก็หล่นลงมากับสายน้ำ นางมโนห์รายกมือขึ้นลูบหน้าแหวนธำรงค์ก็สวมเข้าที่นิ้วก้อยพอดี นางทราบทันทีว่าพระสุธนตามมาถึงแล้ว จึงให้นางกินรีดูแลพระสุธน และส่งเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับไปให้ แล้วนางมโนห์ราก็นำความทูลพระบิดาและพระมารดา ท้าวทุมราชจึงให้พระสุธนมาเข้าเฝ้าและให้แสดงฝีมือยิงธนู ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยท้าวทุมราช
            แต่ก็ยังมีการทดสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยให้พระธิดาทั้งเจ็ดพระองค์แต่งกายงดงามเหมือนกันและมานั่ง
  



***********************************************************************************
สลับกันอยู่ ท้าวทุมราชให้พระสุธนชี้นางมโนห์ราให้ถูกต้อง ธิดาทั้งเจ็ดองค์เหมือนกันมากจนยากที่จะชี้ตัวได้ พระสุธนจึงตั้งสัจจาธิษฐานว่า ถ้าในชาติก่อนไม่เคยคบหากับภรรยาของผู้อื่นมีจิตใจมั่นคงที่นางคนเดียวแล้ว ขอให้จำนางได้ พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นแมลงวันทองบินรอบศีรษะนางมโนห์รา
            พระสุธนก็ชี้นางมโนห์ราได้ถูก ท้าวทุมราชมีความยินดีจัดงานอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์รา แล้วพระสุธนก็ขอลาท้าวทุมราชพานางมโนห์รา  กลับไปเมืองปัญจาลนคร พระอาทิตยวงศ์ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จัดการตกแต่งพระนคร และทำการอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์ราให้ครองราชสมบัติเมืองปัญจาลนครสืบต่อไป
๑.๒ ที่มาและความสำคัญ
           
สีทนต์ มะโนราห์ เป็นวรรณกรรมท้องถิ่นอีสาน ซึ่งผู้แต่งเองและผู้เรียบเรียง เป็นปราชญ์ในท้องถิ่น ใช้แต่งเรื่องราวของท้องถิ่นชาวอีสาน สะท้อนวิถีชีวิต  ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุนทรียภาพ อันเกิดจากภูมิปัญญาด้านวรรณศิลป์ของชาวอีสาน ดังนั้นภาษาที่ใช้แต่งจึงเป็นส่วนสำคัญ เพราะต้องเป็นภาษาถิ่นอีสาน โดยจัดเรียงในแบบของกลอนลำยาว ทำให้ผู้ที่พูดอีสาน หรือชาวอีสานที่ได้อ่านได้ศึกษาอ่านหรือฟังจากการอ่าน หรือการร้องรำแล้วเข้าใจในเรื่องราวของเรื่องได้เป็นอย่างดี  ซึ่งวรรณกรรมอีสานเรื่อง สีทน มะโนราห์ ชำระโดยพระอริยานุวัตร เรียบเรียงโดย รศ.ดร.วีณา วีสเพ็ญ  เน้นวิเคราะห์ภาษาด้านวรรณศิลป์เป็นสำคัญ ทั้งมีความโดดเด่นงดงามด้านภาษา สละสลวย มีการสำนวน โวหาร ภาพพจน์ต่างๆได้อย่างน่าสนใจ และการสะท้อนแนวคิดที่แฝงในเรื่องราวของผู้สร้างไม่ว่าจะเป็น ด้านความรัก  สภาพสังคม  วัฒนธรรม ประเพณี เป็นต้น
ผู้ศึกษาได้เล็งเห็นถึงความโดดเด่นของวรรณกรรมเรื่อง “สีทนต์ มะโนราห์” ที่ไม่ค่อยมีใครศึกษามากเท่าไหร่นัก ดังนั้นผู้ศึกษาจึงจะศึกษาเรื่อง “พลังแห่งถ้อยคำวรรณศิลป์ของวรรณกรรมอีสานสีทนต์มโนราห์”โดยมีจุดมุ่งหมายศึกษาอยู่ 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก และประเด็นสุดท้าย  เพื่อศึกษาว่า กลวิธีทางภาษา  และมีการสะท้อนแนวคิดเหล่านั้นเป็นอย่าง  รวมทั้งเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ต่อไป


           




*************************************************************
                                                                               บทที่ 
                                    การวิเคราะห์ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่อง สีทน มะโนราห์
๒.๑ ชื่อเรื่องมาจากอะไร
            การศึกษาการตั้งชื่อและเรียกขานนามตัวละครพระเอก เพราะตัวละครเป็นองค์ประกอบหนึ่งในวรรณกรรมที่มีความสำคัญในการดำเนินเรื่อง โดยที่ผู้ประพันธ์จะกำหนดบทบาทให้ตัวละครแสดงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด แสดงออกทางด้านพฤติกรรม รวมถึง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่มีต่อตัวละคร ความสัมพันธ์ของตัวละครกับธรรมชาติหรือสังคมที่เป็นไปในลักษณะขัดแย้งทำให้เรื่องราวน่าติดตาม  ตัวละครในวรรณกรรมถูกสร้างให้มีหลากหลายคล้ายกับเรื่องราวของมนุษย์ที่มีลักษณะซับซ้อน แต่ตัวละครบางตัวอาจมีลักษณะพิเศษจากมนุษย์  นั่นคือ  ความเหนือจริง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมนุษย์ไม่สามารถทำได้เช่นการสมมติให้ตัวละครที่เป็นคนหรือสัตว์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ถึงแม้ว่าตัวละครจะมีความพิเศษอย่างไรก็ตามเรื่องราวของตัวละคร ก็ต้องอิงอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์ที่กวีประสบพบเห็นแล้วนำมาถ่ายทอดเรื่องราวผสมกับจินตนาการทำให้วรรณกรรมมีความน่าสนใจ
            สีทน มะโนราห์" วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมกันมากในสมัยอยุธยาและไม่ทราบผู้แต่ง ได้แก่ เรื่องพระสุธน ซึ่งได้นำเค้าเรื่องเดิมมาจาก "ปัญญาสชาดก" ที่เรียกว่า "สุธนชาดก" และได้นำมาทำเป็นบทละครเรื่อง "นางมโนราห์" ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายการตั้งชื่อพระเอกในเรื่อง สีทน มะโนราห์ เป็นการตั้งชื่อในแนวเดียวกันมีความหมายคล้ายคลึงกันคือเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ เกี่ยวกับพระราชา พระมหากษัตริย์ ชายหนุ่มผู้เป็นใหญ่ ฯลฯ ทำให้ผู้อ่านรู้บทบาทของตัวละครว่าตัวละครมีบทบาทอย่างไรในเรื่อง เพียงแค่ชื่อก็ทำให้รู้แล้วว่าชื่อดังกล่าวคือชื่อของกษัตริย์  ซึ่งลักษณะนิสัยเด่นในเรื่องคือปัญญาและความสามรถต่างๆเป็นบ่เกิดหรือที่มาของการตั้งชื่อทั้งหมดนั่นเอง
๒.๑ แก่นเรื่อง
            แม้อุปสรรคปัญหาจะลำบากยากเข็ญเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งคำว่า “รักแท้” ได้
๒.๒ โครงเรื่อง
            การดำเนินเรื่อง  
ในเรื่องสีทน มโนราห์ มีลักษณะการดำเนินเรื่องที่เป็นลำดับขั้นตอน  ดำเนินไปตามลำดับเหตุการณ์ต่างๆ  มีการวางปม และการคลี่คลายปมในตอนสุดท้าย  ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้
            - การเปิดเรื่อง 
เปิดด้วยการบรรยายถึงตัวละครเด่นๆ และการบรรยายอดีตชาติของสีทนต์ ก่อนการจุติลงมาเกิดในท้องของนางเทวี  ซึ่งเป็นตัวละครที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน และบรรยายฉากบ้านเมือง  ทั้งนี้ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายในการเปิดเรื่อง  คือ  ต้องการเร้าความสนใจของผู้อ่าน ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพโดยกว้างและต้องการ






******************************************************************************************
ติดตามเรื่องราวต่อไป  ตัวอย่างดังความว่า
           
ปางนั้น ยังมีเมืองใหญ่กว้างเฮียกชื่อ “เป็งจาน” ฮุงเฮืองงามดั่งดาวดึงส์ฟ้า พญาอาทิตเจ้าเสวยเมืองตุ้มไพร ปรระเสริฐงามยิ่งพี้ยงนครฟ้าฟากสวรรค์ เจ้าเอย เทวีเหง้าสนมนางพอหมื่น ยินสนุกม่วนแม้งสวรรค์ฟ้าไป่ปาน หั้นแล้ว ยังมีเทวบุตรท้าวดุสิดาบุญมาก หลิงโลกกว้างเห็นแก้วแม่ตน ท้าวก็คึดฮ่ำฮู้จักลงเกิดเมืองคน แลแด 
            - การผูกปมปัญหา  ในเรื่องสีทน มโนราห์  มีการผูกปมปัญหาโดยมีปุโรหิตท่านหนึ่งได้คิกกบฏ ลวงให้พระราชาเชื่อ เพื่อหวังให้นางมโนราห์มาบูชายัน ตลอดการเดินทางหนีนางผีเสื้อสมุทร ทั้งนี้ผู้แต่งมีการผูกปมนั้นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ เกิดความระทึกใจ และอยากติดตามตอนต่อไป  นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา  พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้
            นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่ ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพล และพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่า ไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก  การใช้กลอุบายของท่านปุโรหิตที่หวังกำจัดนางมโนราห์ ทำให้นางมโนราห์หนีกลับเขาไกลลาส จนเกิดเรื่องราวความขัดแย้งต่างๆ  ขึ้น ทั้งนี้ผู้แต่งมีการผูกปมนั้นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ เกิดความระทึกใจ และอยากติดตามตอนต่อไป  ดังตัวอย่างความว่า
            เมื่อนั้น มะโนรานาถเจ้าสอดปีกกัดหางา ลำๆ มือแกว่งแพนเพื่อนฟ้อน ปางนั้น นางคานแก้วมารดาตนแม่ ใจจักขาดดั่นดิ้นดอมน้องถ่าวทวง เมือดีเยอ สายใจแก้วเสมอตาเจ้าแม่ กูเอย เจ้าแม่จงคึดฮอดห้องภายพี้อย่าลืม แม่ถ้อน คันว่าเจ้าพรากจากพี้เถิงที่ภูเงิน เมื่อใด เนาสถานทอง อย่าลืมพระอวนอ้ายแม่เนอ
            เมื่อนั้น นางประนมมือไหว้ให้มารดาก้มขาบ ไหว้พระแม่เจ้าดีแล้วลวดทะยาน แลนา มโนราค่อยเขยื้อนแล้วสั่งหอปาง คณิงผัวขวัญเกลื่อนกะหายหิวให้ คิ่ยอยู่ดีเยอ ภูธรท้าวสีทนต์บาบ่าว ข้อยเอย น้องจักหนีจากจ้าจิงแท้บ่เห็น แลนอ
            - การปิดเรื่อง  ในเรื่องสีทน มโนราห์ มีการปิดเรื่องด้วยการคลี่คลายปมได้สำเร็จ โดยท้าวสีทนต์สามารถผ่านอุปสรรคขวากหนามที่ลำบากระหว่างการเดินทาง  และสามารถผ่านการทดสอบของพระบิดาของนางมโนราห์และทั้งสองก็ครองคู่กันอย่างมีความสุข การปิดเรื่องสีทน มโนราห์ ถือได้ว่าเป็นการปิดเรื่องที่สมบูรณ์อีกเรื่องหนึ่ง ดังตัวอย่างความว่า
            จักกล่าวเถิงสีทนต์เจ้าจอมเมืองเสวยราช นางนาถเจ้าแพงล้านอยู่เทียมบ่โศกฮ้อนสักสิ่งสุมใจ ทั้งมวลเมืองซื่นซมดอมท้าวซมสออนดอมอ่อน ยินสนุกอยู่สร้างเมืองบ้านให้ฮุ่งเฮือง
๒.๓ ตัวละคร
            ๒.๑.๑ ตัวละครหลัก

                        -  สีทน (พระเอก)  เป็นลูกชายของท้าวอาทิตย์แห่งเมืองเป็งจาล  รูปงามดั่งอินทร์แปลงปั้น เก่งกล้าหาญ  มีปัญญาแหลมคม  มีไหวพริบทันคนแก้ปัญหานานาชนิดได้ดี  เก่งวิชาธนูไม่มีผู้เทียมเท่า

*********************************************************************************
- นางมโนราห์ (นางเอก) เป็นธิดาคนของท้าวทุมราชแห่งเมืองภูเงิน   เป็นนางกินรีผู้เลอโฉมดั่งนางอัปราแปลงปั้น  มีความรักที่มั่นคง  ความเสียสละต่อครอบครัวและคนรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
                        - พรานบุญ   เป็นนายพรานผู้ที่เก่งกล้า  มีความสามารถ  แต่มีนิสัยใจคอที่ร้ายกาจ มีความโลภโมโทสะ เป็นผู้จับนางมโนราห์ไปถวายแก่สีทนพระโอรสแห่งเมืองปัญจาล
                        - ท้าวอาทิตย์ (พระบิดาของสีทน)  เป็นกษัตริย์แห่งเมืองปัญจาล  ผู้มีจิตใจดีมีเมตตา  ครองเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข 
                        - พระมเหสีจันทราเทวี
(พระมารดารของสีทน)  เป็นพระมเหสีของท้าวอาทิตย์  มีจิตใจดีมีเมตตา
            ๒.๑.๒ ตัวละครรอง
                        -พระโหราจารย์  เป็นโหรแห่งเมืองปัญจาล  ผู้มักใหญ่ใฝ่สูง คิดการณ์ร้ายเพื่อให้ตนเป็นใหญ่
                        - พระฤๅษี  เป็นผู้มีความเป็นธรรม  จิตใจดีมีเมตตา  มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
๒.๔ การใช้ภาษา

            การศึกษาการใช้ภาษาในวรรณกรรมท้องถิ่น นอกจากจะช่วยให้เข้าใจวิธีการเสนอความคิดความรู้สึกของกวีและนักเขียนท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยให้เข้าใจถึงความเจริญด้านอักษรศาสตร์ ทัศนคติ และค่านิยมของท้องถิ่นต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้วรรณกรรมท้องถิ่นยังเปรียบเสมือนเครื่องบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้ดี เพราะวรรณกรรมท้องเป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรมต่างได้อย่างลงตัว แบ่งการศึกษาการใช้ภาษาในวรรณกรรมท้องถิ่น  คือ  ลักษณะถ้อยคำภาษาโดยทั่วไป  มีรายละเอียดดังนี้
           
๒.๔.๑ ลักษณะถ้อยคำภาษาโดยทั่วไป  ถ้อยคำภาษาที่ใช้ในวรรณกรรมท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นภาษาที่ใช้ในท้องถิ่นที่ผลิตวรรณกรรม นอกจากนี้มีภาษาบาลีสันสกฤต ภาษาเขมร ภาษาไทยกลาง
                        ๒.๔.๑.๒ การใช้ภาษาถิ่น   ภาษาถิ่นที่มักใช้เป็นคำที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน มีทั้งคำนาม สรรพนาม คำกิริยา คำวิเศษณ์ และคำเชื่อม วรรณกรรมล้านนาและวรรณกรรมล้านช้างที่แต่งสมัยเก่าจะใช้ศัพท์โบราณของท้องถิ่น ซึ่งปรากฏในวรรณกรรมภาคกลางสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยาด้วย คำภาษาถิ่นจะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้ทราบว่าวรรณกรรมที่พบเป็นวรรณกรรมของถิ่นใด ปกติภาษาถิ่นต่าง ๆ มีความแตกต่างกัน 2 ระดับ คือ ระดับหน่วยเสียงและระดับคำความแตกต่างในระดับโครงสร้างประโยคมีน้อยมาก ในวรรณกรรมลายลักษณ์ กวีหรือนักเขียนได้พยายามสื่อสารกับคนในท้องถิ่น โดยใช้ภาษาถิ่น 2 ลักษณะ คือ 1) เขียนให้มีเลียงใกล้เคียงกับภาษาถิ่น 2) ใช้คำศัพท์ที่ใช้ในท้องถิ่น

                        ๒.๔.๑.๓
การใช้ภาษาบาลีสันสฤต  เนื่องจากวรรณคดีท้องถิ่นส่วนใหญ่แต่งโดยพระหรือผู้ที่เคยบวชเรียน ทั้งยังมักจะมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับศาสนา วรรณคดีท้องถิ่นจึงมักมีภาษาบาลีและ 6 สันสกฤต เมื่อพิจารณาจากรูปคำศัพท์แล้วจะพบว่า วรรณคดีท้องถิ่นนิยมใช้คำศัพท์ภาษาบาลีมากกว่าสันสกฤต คำที่นำมาใช้มีทั้งคงรูปศัพท์เดิม เช่น กร กาย คชสาร นาค นร เปลี่ยนแปลงเสียง  เช่น กรุณา เป็น กูร์ณา หรือ ขูณา ทุร เป็น โทเร และ ทัวระ บุรพา เป็นบัวระพา เปลี่ยนความหมายให้กว้างขึ้น เช่น คาว่า คงคา ยมุนา สินธู เดิมเป็นชื่อแม่น้ำใน 


********************************************************************************
อินเดียนำมาใช้แปลว่า  แม่น้ำทั่วไป ทรพี ซึ่ง เป็นชื่อควายในเรื่องรามเกียรติ์ นำมาใช้หมายถึงวัวควายทั่วไป บางคำเป็นคำที่ลงวิภัติแล้ว เช่น กา โย เร็งโญ กุกกุตโต เอโก บางคำตัดให้สั้นเข้า หทัย เหลือ ทัย ไมตรี เป็น ไมตริ์ และเหลือเป็น ไม คา ว่า มหาสมาสกับคำว่า ราช เป็น มราช เป็นต้น
๒.๕ ฉาก/สถานที่
            ๒.๕.๑ ฉากหลัก  

                        - ป่าหิมพานต์ เป็นสถานที่สำคัญที่ปรากฏในเรื่อง ซึ่งนางมะโนราห์และสีทนได้เดินทางผ่านที่นี่ตลอด  ดังตัวอย่างต่อไปนี้
            “เมื่อนั้น  ภูมีท้าวนมบาทพระรัสสี  จอมบุญเนาพ่ำนานพันนี้  ยังเห็นจอมนางน้อยโสมงามมะโนราช  มาฮอดไท้ทันนี้แว่เซา    บุเด่  รัสสีเจ้าหลีกเว้นหนีจากอาบัติ  ฮ่มเพิงคึดกล่าวจอมไทย์ท้าวเจียมแต่  เฮาสถิตย์ยังแดนเขตหิมพานต์ แลนา  เห็นนางมาเฮาพายพี้  เมื่อนั้น  บุญเฮืองไท้ย์สีทนต์ทูลบาท  ไหว้ท่านเจ้าบุญกว้างค่อยถาม  ข้าน้อยเป็นหน่อท้าวทงราชเบ็งจาน  ที่พุ้น  การจำไกลพรากเมืองฮามฮ้าง  คณิงเถิงนางแก้วมโนราทนสวาด  เลยลวดข้ามป่าไม้มี้พ่ำนาน  พระเอย  ขอแต่พระบาทเจ้าตนยิ่งกรูร์ณา แด่ถ้อน  ไขคะตีกลอนบอกทางเดินเท้า  แต่ถ้อนข้าน้อยจักนำ  นางแก้วมะโนราตามไต่  ขอเพิ่งเจ้าบุญกว้างเมื่อแคน  แด่ถ้อน”
           
.๕.๒  ฉากรอง
                        - เมืองปัญจาล เป็นสถานที่สำคัญที่ปรากฏในเรื่อง  ซึ่งเป็นเมืองของท้าวอาทิตย์และพระมเหสีจันทราเทวี ดังตัวอย่างต่อไปนี้
            “ ปางนั้น  ยังมีเมืองใหญ่กว้างเฮียกชื่อ “เป็งจาน”  ฮุ่งเฮืองงามดั่งดาวดึงส์ฟ้า  พญาอาทิตเจ้าเสวยเมืองตุ้มไพร  ประเสริฐงามยิ่งเพี้ยงนครฟ้าฟากสวรรค์  เจ้าเอย  เทวีเหง้าสนมนางพอหมื่น  ยินสนุกม่วนแม้งสวรรค์ฟ้าไป่ปานหั้นแล้ว  ยังมีเทวบุตรท้าวดุสิดาบุญมาก  หลิงโลกกว้างเห็นแก้วแม่ตน  ท้าวก็คึดฮ่ำฮู้จักลงเกิดเมืองคน  แลเด  โพธิญาณเซ็งชาติพระองค์เที่ยงใช้  อันว่า  กูจักลงจากห้องหนแห่งเมืองสวรรค์  บารมีมุงแผ่นไตรกวมพื้น  พร้อมด้วยเทวบุตร์ท้าวบริวารหกหมื่น  ลงเกิดพร้อมดอมเจ้าแก่นสมร  กับทั้งชะช่อนเนื้ออนงค์นาถแสนกือ  พุ้นเยอ  ลงมาเกิดในเมืองคนโลกชมพูพื้น หั้นแล้ว
                        - เมืองภูเงิน เป็นสถานที่สำคัญที่ปรากฏในเรื่อง ซึ่งเป็นเมืองของท้าวทุมราช เมืองกินนรที่มีพระธิดาถึง 7 พระองค์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
            “แต่นั้น  สีทนต์จอมเมืองพระบาท  ปากบ่ได้ยินแค้นคั่งทวง  ท้าวก็เมียงๆ น้ำตาหลั่งไหลตก  ภูมีสลบถ่าวไปลืมเนื้อ  โอนอ  เสียดายแก้วมะโนราน้องนาถ  กูเด  ละอ้ายไว้ปางนี้อยู่พลอย  แลนอ  เมื่อนั้น  พระบาทต้านจาต่อแสนเมือง  หนทางเมืองภูเงินดั่งลือไกลใกล้  กูจักนำแพงแก้วมะโนราน้องนาถตามไป  บ่ได้น้องแก้วนางน้อยแม่นบ่คืน  ง่ายแล้ว”




*****************************************************************************************
                                                                                         บทที่ ๓
                                                            ความโดดเด่นของโครงเรื่อง
           
            วรรณกรรมท้องถิ่นอีสานเรื่อง สีทน มะโนราห์ เป็นโบราณคดีชิ้นหนึ่งของภาคอีสาน แต่เดิมนั้นมีอยู่ในใบลาน มีการจารเป็นอักษรไทยน้อย ซึ่งถือว่าเป็นวรรณกรรมที่ชาวอีสานนิยมอ่าน มีโครงเรื่องที่โดดเด่นทั้งเรื่องความรัก โศกเศร้า ตื่นเต้น และมีแก่นเรื่องที่ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิต ให้กระทำความดีละเว้นความชั่ว หรือให้ข้อคิดกับผู้อ่านเรื่อง การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ให้ผู้อ่านนำเอาข้อคิดไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข

























******************************************************************************************
                                                                                               บทที่ ๔
                                                                              การนำไปประยุกต์
๔.๑ การสร้างเป็นหนังสือนิทานสำหรับเด็ก

 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วรรณกรรมก่อนนอน พระสุธน มะโนราห์
 ๔.๒ การสร้างเป็นหนังสือวรรณกรรมเพื่อการเรียนรู้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วรรณกรรมก่อนนอน พระสุธน มะโนราห์

๔.๓ การสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่อง ๗
 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ละครพื้นบ้าน พระสุธน มโนราห์

๔.๔ การพัฒนาต่อยอดเป็นละครโทรทัศน์ เรื่องพระสุธน มโนราห์ ช่องไทยทีวี

๔.๕ การพัฒนาต่อยอดเป็นหมอลำ เรื่อง พระสุธน มโนราห์ โดยคณะประถมบันเทิงศิลป์
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หมอลำพระสุธน มะโนราห์

๔.๖ การสร้างเป็นละครชาตรี
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

๔.๗ การสร้างเป็นหนังสือนิทานไทย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หนังสือนิทานไทยพระสุธน มะโนราห์

***************************************************************************


                                                                                          บทที่ ๕
                                               
สรุปอินโฟกราฟฟิค  เรื่อง  สีทน  มะโนราห์
ภาพอิโฟกราฟฟิค  ( Infographic)  โครงเรื่อง สีทน  มะโนราห์

                                                                                                                                            จัดทำโดย
                                                                                              นางสาวศิริกัลยา  จูมทอง  รหัส ๕๗๒๑๐๔๐๖๒๒๙
                                                                                           สาขาวิชาภาษาไทย  คณะครุศาสตร์  มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์


วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง สีทน มะโนราห์

ภารกิจที่ 1 วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง สีทน มะโนราห์

1. วิเคราะห์ชื่อเรื่อง สีทน มะโนราห์  เป็นการตั้งชื่อตัวละครในวรรณกรรมอีสานและภาพสะท้อนทางสังคมจากชื่อตัวละคร เพราะตัวพระเอก ชื่อ สีทน ส่วนตัวนางเอก ชื่อ มะโนราห์ ซึ่งในวรรณกรรมอีสานเรื่องนี้มีชื่อพระเอกที่หมายถึงสีทนจำนวน 94 ชื่อด้วยกัน

2. แก่นเรื่อง (สั้นๆ)  แม้อุปสรรคปัญหาจะลำบากยากเข็ญเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งคำว่า “รักแท้” ได้

3. โครงเรื่อง (โครงเรื่อง คือ เปิดเรื่อง ดำเนินเรื่อง จุดสูงสุด จบเรื่อง )
         
3.1 การเปิดเรื่อง 
          เปิดด้วยการบรรยายถึงตัวละครเด่นๆ และการบรรยายอดีตชาติของสีทนต์ ก่อนการจุติลงมาเกิดในท้องของนางเทวี  ซึ่งเป็นตัวละครที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน และบรรยายฉากบ้านเมือง  ทั้งนี้ผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายในการเปิดเรื่อง  คือ  ต้องการเร้าความสนใจของผู้อ่าน ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพโดยกว้างและต้องการติดตามเรื่องราวต่อไป  ตัวอย่างดังความว่า
          ปางนั้น ยังมีเมืองใหญ่กว้างเฮียกชื่อ .”เป็งจาน” ฮุงเฮืองงามดั่งดาวดึงส์ฟ้า พญาอาทิตเจ้าเสวยเมืองตุ้มไพร ปรระเสริฐงามยิ่งพี้ยงนครฟ้าฟากสวรรค์ เจ้าเอย เทวีเหง้าสนมนางพอหมื่น ยินสนุกม่วนแม้งสวรรค์ฟ้าไป่ปาน หั้นแล้ว ยังมีเทวบุตรท้าวดุสิดาบุญมาก หลิงโลกกว้างเห็นแก้วแม่ตน ท้าวก็คึดฮ่ำฮู้จักลงเกิดเมืองคน แลแด  1
          
          3.2 การดำเนินเรื่อง
          ในเรื่องสีทน มโนราห์ มีลักษณะการดำเนินเรื่องที่เป็นลำดับขั้นตอน  ดำเนินไปตามลำดับเหตุการณ์ต่างๆ  มีการวางปม และการคลี่คลายปมในตอนสุดท้าย  ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้

          พระเจ้าอาทิตยวงศ์ กษัตริย์แห่งเมืองปัญจาลนคร พระมเหสีชื่อ พระนางจันทราเทวี ต่อมาพระมเหสึประสูติพระราชโอรส ก็บังเกิดขุมทองสี่ขุมขึ้นที่มุมปราสาทสี่มุม พระเจ้าอาทิตยวงศ์จึงประทานนามว่า " พระสุธน " (แปลว่ามีทรัพย์ประเสริฐ-มีทรัพย์มาก) บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก พระสุธนราชกุมารก็ศึกษาวิชาการ มีฝีมือทางการยิงธนู วันหนึ่งนายพรานบุณฑริกชาวเมืองปัญจาลนครเข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก พบกลุ่มนางกินนรพี่น้องเจ็ดตนมาเล่นน้ำที่สระอโนดาต  นายพรานแอบเก็บปีกหางของนางกินนรไว้ชุดหนึ่ง เมื่อนางกินนรทั้งเจ็ด
          เมื่อเล่นน้ำเสร็จก็กลับขึ้นมาใส่ปีกใส่หาง นางมโนห์ราน้องสาว คนสุดท้องหาปีกหาหางของตนไม่พบจึงไม่สามารถบินกลับได้ พี่ ๆ  ทั้งหกก็จำต้องทิ้งนางไป พรานบุณฑริกจึงนำบ่วงมาคล้องนางไปและนำไปถวายพระสุธน พระสุธนยินดีมากจึงประทานทองคำและแก้วแหวนเงินทองให้แก่นายพราน พระเจ้าอาทิตยวงศ์และนางจันทราเทวีก็จัดงานอภิเษกสมรส พระสุธนกับนางมโนห์รา
          ต่อมามีข้าศึกยกมาตีเมืองปลายเขตแดน พระสุธนจึงต้องยกทัพไปปราบ พราหมณ์ปุโรหิตผู้หนึ่งซึ่งเคยคุ่นเคืองใจกับพระสุธนก็แกล้งเพ็ดทูล พระเจ้าอาทิตยวงศ์ว่านางมโนห์ราเป็นกาลกิณี ควรจะจัดบูชายัญ เพื่อให้บ้านเมืองเป็นสุข พระเจ้าอาทิตยวงศ์ไม่เต็มพระทัย เพราะทรงทราบว่าดีนางมโนห์ราเป็นที่รักอย่างยิ่งของพระสุธน แต่ขัดข้อเสนอแนะของ เสนาอำมาตย์ไม่ได้ จึงจำพระทัยจัดพิธีบูชายัญ นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา  พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้ นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่ ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพล และพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่า ไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก แต่ถ้าพระสุธนยังดื้อดึงที่จะไปก็ขอให้มอบยาผงนี้ให้แก่พระสุธน และให้บอกวิธีการติดตามไปอย่างปลอดภัยให้ไว้ดังนี้

1. ถ้าพระสุธนเดินทางไปถึงป่าไม้มีพิษให้จับลูกลิงไปตัวหนึ่ง เมื่อจะเสวยผลไม้ใดต้องปล่อยให้ลูกลิงกินก่อนแล้วจึงเสวย
2. เมื่อถึงป่าหวายใหญ่ ให้เอาผ้ากัมพลคลุมตัวให้แน่น นกหัสดีลิงค์จะเข้าใจว่าเป็นเนื้อกวางก็จะโฉบลงมาคาบตัวไป พอถึงรังนกก็ให้ตบมือ นกตกใจบินหนีไป
3. ถ้าพระสุธนเดินทางต่อไป พบพญาช้างสองตัวต่อสู้กันขวางทางอยู่ ให้เอายาผงทาทั่วตัว แล้วเดินลอดไประหว่างขาช้าง
4. เมื่อเดินทางต่อไปจะพบภูเขาชนกัน ก็ให้ใช้ยาผงทาตัวแล้วเดินไประหว่างช่องเขา
5. เดินทางต่อไปจะพบยักษ์สูงเจ็ดชั่วลำตาลยืนขวางทางให้ใช้ยาผงโรยลูกศรแล้วยิงให้ถูกอกยักษ์ เมื่อยักษ์ล้มให้เดินไปทางหัวของยักษ์ ต่อไปจนถึงป่าทึบไม่มีทางออก ให้ขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในรังนกยักษ์ และเมื่อนกยักษ์บินออกหากินก็ให้ซ่อนตัวอยู่ในปีกของนก พอนกลงหากินก็รีบลงเพราะที่นั่นจะเป็นเขาไกรลาส แล้วนางมโนห์ราก็กราบลาพระฤษีบินกลับไปยังเขาไกรลาส ท้าวทุมราชบิดาของนางถึงแม้จะยินดีที่นางกลับมาแต่เนื่องจากนางไปอยู่ โลกมนุษย์เป็นเวลานาน จึงให้นางอยู่ในปราสาทแยกไปต่างหาก  และเมื่อครบเจ็ดวันตามเวลาของเขาไกรลาสก็จะทำพิธีมงคลชำระสระสรง เพื่อให้นางมดกลิ่นสาบของมนุษย์ ฝ่ายพระสุธนเมื่อกลับพระนคร พอรู้ว่านางมโนห์ราบินหนีไปแล้วก็เสียพระทัยมาก  รีบทูลลาพระราชบิดาและพระราชมารดาเพื่อติดตามนางมโนห์รา พระสุธนเดินทาง ไปพบพระฤๅษีกัสสปและได้ทราบความที่นางฝากไว้ พระสุธนมิได้ย่อท้อ ออกเดินทางและปฎิบัติตามที่นางบอกไว้ทุกประการ พระสุธนเดินทางเช่นนี้เป็นเวลาถึงเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน พอถึงวันที่เจ็ดก็มาถึงเขาไกรลาส พระสุธนจึงซ่อนตัวอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ไม่ช้าก็มีนางกินรีบริวารถือหม้อทองคำมาตักน้ำที่สระ พอถึงคนสุดท้ายพระสุธนก็บันดาลให้นางยกหม้อทองคำไม่ขึ้น แล้วออกมาช่วยยกให้และได้แอบใส่พระธำรง ลงในหม้อน้ำนั้น
          เมื่อนางกินรีบริวารสรงน้ำให้นางมโนห์ราถึงนางกินรีคนสุดท้ายรดน้ำเหนือศีรษะนางมโนห์รา พระธำรงค์ก็หล่นลงมากับสายน้ำ นางมโนห์รายกมือขึ้นลูบหน้าแหวนธำรงค์ก็สวมเข้าที่นิ้วก้อยพอดี นางทราบทันทีว่าพระสุธนตามมาถึงแล้ว จึงให้นางกินรีดูแลพระสุธน และส่งเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับไปให้ แล้วนางมโนห์ราก็นำความทูลพระบิดาและพระมารดา ท้าวทุมราชจึงให้พระสุธนมาเข้าเฝ้าและให้แสดงฝีมือยิงธนู ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยท้าวทุมราช แต่ก็ยังมีการทดสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยให้พระธิดาทั้งเจ็ดพระองค์แต่งกายงดงามเหมือนกันและมานั่งสลับกันอยู่ ท้าวทุมราชให้พระสุธนชี้นางมโนห์ราให้ถูกต้อง ธิดาทั้งเจ็ดองค์เหมือนกันมากจนยากที่จะชี้ตัวได้ พระสุธนจึงตั้งสัจจาธิษฐานว่า ถ้าในชาติก่อนไม่เคยคบหากับภรรยาของผู้อื่นมีจิตใจมั่นคงที่นางคนเดียวแล้ว ขอให้จำนางได้ พระอินทร์จึงแปลงกายเป็นแมลงวันทองบินรอบศีรษะนางมโนห์รา
          พระสุธนก็ชี้นางมโนห์ราได้ถูก ท้าวทุมราชมีความยินดีจัดงานอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์รา แล้วพระสุธนก็ขอลาท้าวทุมราชพานางมโนห์รา  กลับไปเมืองปัญจาลนคร พระอาทิตยวงศ์ดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จัดการตกแต่งพระนคร และทำการอภิเษกพระสุธนกับนางมโนห์ราให้ครองราชสมบัติเมืองปัญจาลนครสืบต่อไป

3.3 จุดสูงสุด 
          ในเรื่องสีทน มโนราห์  มีการผูกปมปัญหาโดยมีปุโรหิตท่านหนึ่งได้คิกกบฏ ลวงให้พระราชาเชื่อ เพื่อหวังให้นางมโนราห์มาบูชายัน ตลอดการเดินทางหนีนางผีเสื้อสมุทร ทั้งนี้ผู้แต่งมีการผูกปมนั้นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ เกิดความระทึกใจ และอยากติดตามตอนต่อไป  นางมโนห์ราเมื่อทราบก็ ยินยอมให้ฆ่าบูชายัญ แต่ขอปีกขอหางมาประดับเพื่อร่ายรำบูชา  พระนางจันทราเทวีก็รีบนำปีกและหางของนางกินนรซึ่งพระสุธนฝากไว้มาให้
          นางมโนห์ราร่ายรำแล้วบินหนีบินกลับไปยังเขาไกรลาสถิ่นที่อยู่ ระหว่างทางนางได้แวะมากราบพระฤๅษีกัสสปในป่า และฝากผ้ากัมพล และพระธำมรงค์ไว้ให้พระสุธน และได้ฝากความไปถึงพระสุธนว่า ไม่ควรตามนางไปเพราะหนทางยากลำบากมาก  การใช้กลอุบายของท่านปุโรหิตที่หวังกำจัดนางมโนราห์ ทำให้นางมโนราห์หนีกลับเขาไกลลาส จนเกิดเรื่องราวความขัดแย้งต่างๆ  ขึ้น ทั้งนี้ผู้แต่งมีการผูกปมนั้นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ เกิดความระทึกใจ และอยากติดตามตอนต่อไป  ดังตัวอย่างความว่า
           เมื่อนั้น มะโนรานาถเจ้าสอดปีกกัดหางา ลำๆ มือแกว่งแพนเพื่อนฟ้อน ปางนั้น นางคานแก้วมารดาตนแม่ ใจจักขาดดั่นดิ้นดอมน้องถ่าวทวง เมือดีเยอ สายใจแก้วเสมอตาเจ้าแม่ กูเอย เจ้าแม่จงคึดฮอดห้องภายพี้อย่าลืม แม่ถ้อน คันว่าเจ้าพรากจากพี้เถิงที่ภูเงิน เมื่อใด เนาสถานทอง อย่าลืมพระอวนอ้ายแม่เนอ
เมื่อนั้น นางประนมมือไหว้ให้มารดาก้มขาบ ไหว้พระแม่เจ้าดีแล้วลวดทะยาน แลนา มโนราค่อยเขยื้อนแล้วสั่งหอปาง คณิงผัวขวัญเกลื่อนกะหายหิวให้ คิ่ยอยู่ดีเยอ ภูธรท้าวสีทนต์บาบ่าว ข้อยเอย น้องจักหนีจากจ้าจิงแท้บ่เห็น แลนอ

          
          3.4 การปิดเรื่อง
          ในเรื่องสีทน มโนราห์ มีการปิดเรื่องด้วยการคลี่คลายปมได้สำเร็จ โดยท้าวสีทนต์สามารถผ่านอุปสรรคขวากหนามที่ลำบากระหว่างการเดินทาง  และสามารถผ่านการทดสอบของพระบิดาของนางมโนราห์และทั้งสองก็ครองคู่กันอย่างมีความสุข การปิดเรื่องสีทน มโนราห์ ถือได้ว่าเป็นการปิดเรื่องที่สมบูรณ์อีกเรื่องหนึ่ง ดังตัวอย่างความว่า
          จักกล่าวเถิงสีทนต์เจ้าจอมเมืองเสวยราช นางนาถเจ้าแพงล้านอยู่เทียมบ่โศกฮ้อนสักสิ่งสุมใจ ทั้งมวลเมืองซื่นซมดอมท้าวซมสออนดอมอ่อน ยินสนุกอยู่สร้างเมืองบ้านให้ฮุ่งเฮือง